เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวน่าสลด “ฆ่าโหดยิงแสกหัวบุรุษพยาบาลคัดกรอง” วันนี้หมอแบงค์จึงขอมาเล่าความสำคัญของฝ่ายคัดกรองคนไข้ให้น้องๆและท่านผู้อ่านฟัง ฝ่ายคัดกรองได้ยินคำนี้แล้วหลายๆคนอาจสงสัยว่าทำไมคนไข้ต้องถูกคัดกรองด้วย ฝ่ายคัดกรองมันเป็นฝ่ายที่ทำหน้าที่อะไรกันแน่
ฝ่ายคัดกรองนี้ถึงแม้จะเป็นหน่วยเล็กๆในโรงพยาบาล
แต่ถึงแม้จะเล็กมันก็มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด กิจการต่างๆคงไม่สามารถดำเนินไปได้เลยหากขาดฝ่ายนี้
เสมือนเครื่องจักรขนาดใหญ่ในโรงงานอุตสาหกรรมที่หากฟันเฟืองตัวเล็กในเครื่องหลุดหายไป
เครื่องจักรก็มิอาจเดินเครื่องทำงานได้ เดี๋ยวหมอแบงค์จะแสดงตัวอย่างให้ดู
น้องผักกาดจู่ๆวันนี้เกิดป่วยเป็นหวัดขึ้นมา
ฮัดชิ้ว! หง่าน้ำมูกไหลเยิ้มเลย
ไปโรงพยาบาลดีกว่า แต่เอ๋โรงพยาบาลออกจะใหญ่โต ต้องไปที่ไหนดีนะ…
กรณีแรก
หากน้องผักกาดป่วยแล้วมาโรงพยาบาลในวันและเวลาราชการคือ วันจันทร์-ศุกร์ ในช่วงเวลา 8.00 –
16.00 น. น้องผักกาดก็จะถูกประเมินว่าอาการที่นำให้มาโรงพยาบาลเป็นอาการทั่วๆไปที่รอได้
หรือเป็นอาการที่รุนแรง ถ้าเป็นอาการทั่วๆไปคนไข้จะถูกส่งไปยังแผนกตรวจผู้ป่วยนอกOPD
ซึ่งย่อมาจากOut patient department ที่เกี่ยวเนื่องกับอาการคนไข้
เช่นปวดข้อ ปวดกระดูก ก็จะถูกส่งไปหาหมอกระดูก,คนไข้เด็กเป็นไข้ตัวร้อนก็จะถูกส่งไปแผนกผู้ป่วยนอกเด็ก
หรือ ผู้หญิงปวดประจำเดือนก็จะถูกส่งไปหาสูติแพทย์เป็นต้น
แต่หากคนไข้มีอาการที่รุนแรงก็จะถูกส่งไปยังห้องฉุกเฉิน(ER)ที่มีพยาบาลและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการรักษาคนไข้วิกฤติทันที
โดยสรุป
อาการทั่วไป
คืออาการที่ไม่ต้องการกันรักษาเร่งด่วน เช่น เป็นไข้หวัดธรรมดา,แพทย์นัดมาเจาะเลือดตรวจสุขภาพ,อายุรแพทย์แพทย์นัดมารับยาโรคความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ ,สูติแพทย์นัดมาฝากครรภ์หรือตรวจมะเร็งปากมดลูก เป็นต้น
อาการที่รุนแรง
คืออาการที่ต้องการการรักษาเร่งด่วน
ซึ่งหากไม่ได้รับการอย่างทันท่วงทีคนไข้อาจเกิดความพิการและเสียชีวิตได้ เช่น
คนไข้ที่มาด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือด , คนไข้ปอดอักเสบติดเชื้อ, คนไข้หอบหืดมีอาการหอบหืดกำเริบ , คนไข้ที่ได้รับอุบัติเหตุ
เป็นต้น
กรณีที่สอง
เป็นกรณีกลับกัน น้องผักกาดมาโรงพยาบาลนอกเวลาราชการ คือมาในเวลา 16.00-8.00 น. ในวันธรรมดา หรือ มาใช่วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งเป็นเวลาที่แผนกผู้ป่วยนอกทุกแผนกปิดทำการ
โรงพยาบาลยังคงเหลือแผนกเพียงแผนกเดียวเท่านั้นที่เปิดทำการค่อยรับผู้ป่วยตลอด 24
ชั่วโมงเหมือนเซเว่นอีเลเว่น แผนกนั้นคือ “แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน(Emergency
room)”
เอาล่ะสิครับ คราวนี้ไม่ว่าคนไข้ป่วยหนัก
เหรอคนไข้ป่วยเล็กน้อย คราวนี้คนไข้ทุกคนที่มาโรงพยาบาลก็จะกระหน่ำมาที่ห้องฉุกเฉิน
คราวนี้ถึงคราวที่ฝ่ายคัดกรองต้องทำหน้าที่แล้วสิครับ
อันดับแรกพยาบาลคัดกรอง
จะซักประวัติผู้ป่วยอย่างคร่าวๆ วัดสัญญาณชีพเบื้องต้น ได้แก่ ความดัน , อัตราการเต้นของหัวใจ, อุณหภูมิกาย เป็นต้น
ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับแพทย์ในการตรวจและวินิจฉัยโรค นอกจากนี้หลังจากประเมินสัญญาณชีพแล้ว
พยาบาลคัดกรองยังช่วยคัดแยกผู้ป่วยตามความเร่งด่วนในการรักษา เป็นสีต่างๆได้แก่
สีเขียว สีเหลือง สีแดง และสีดำ(จะมีกล่าวในตอนต่อไป)
>>>ไปดูวิธีการคัดแยกผู้ป่วยตามความหนักเบา Clickที่นี่<<<
>>>ไปดูวิธีการคัดแยกผู้ป่วยตามความหนักเบา Clickที่นี่<<<
ลองคิดสภาพที่ผู้ป่วยมารอตรวจเป็นปริมาณมาก
เช่นมีทั้งคนไข้เป็นหวัดเล็กน้อย คนไข้บาดเจ็บใกล้ตาย คนไข้กระดูกหัก คนไข้ปอดติดเชื้อหายใจหอบมาก
คนไข้อาเจียนเป็นเลือดสด คนไข้ถูกสุนัขกัดมีแผลยาวแค่ 1 cm เป็นต้น ถ้าไม่มีคนช่วยคัดกรองผู้ป่วยก่อนปล่อยแพทย์ตรวจตามคิว
ใครมาก่อนได้ก่อนจะเกิดอะไรขึ้น…
หมอแบงค์ไม่อยากคิดภาพคุณหมอตรวจคนไข้ที่โดนหมากัดอยู่
ในขณะที่มีคนไข้อ๊วกเป็นเลือดกำลังShockใกล้ตายนอนรออยู่ …. วิกฤติแน่ๆ
คราวนี้เห็นความสำคัญของพยาบาลคัดกรองหรือยังครับ
เนื่องจากพยาบาลคัดกรองต้องซักประวัติเบื้องต้นของผู้ป่วยทุกราย
จึงทำให้เกิดข่าวน่าสลดนี้ขึ้น
เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น.
วันที่ 23 ก.พ. 55 ร.ต.ต.เมฆสิทธิ์
เล็กทุ่ม ร้อยเวรสอบสวน สภ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว
ได้รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงบุรุษพยาบาลโรงพยาบาลเขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว
เสียชีวิตคาห้องฉุกเฉิน ในโรงพยาบาลเขาฉกรรจ์ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย
พ.ต.ต.สุรศักดิ์ กนกวิลาศ สว.สส.สภ.เขาฉกรรจ์
รีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ บริเวณห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลเขาฉกรรจ์
ทั้งนี้ เมื่อไปถึงพบศพ
นายนิพนธ์ มนตรี อายุ 22 ปี บุรุษพยาบาลโรงพยาบาลเขาฉกรรจ์ ถูกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ยิงเข้าที่หน้าผาก 1 นัด เสียชีวิตคาที่คาห้องฉุกเฉิน
จากการสอบสวนทราบว่า คนร้ายชื่อ นายวีระ วางจังหรีด อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81 ม.4 ต.ท่าเกวียน
อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว โดยก่อนเกิดเหตุนายวีระ ได้พา นางวาสนา เทพเทียร ภรรยา อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 440
ม.16 ตังน้ำเย็น อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว
มาที่ห้องฉุกเฉินเพื่อให้รักษา
เนื่องจากถูกรุมทำร้ายมีบาดแผลฟกช้ำดำเขียวบริเวณใบหน้าและลำตัว
ขณะที่ นายนิพนธ์ มนตรี บุรุษพยาบาลกำลังสอบประวัติ นางวาสนา อยู่นั้น ทำให้นายวีระ ไม่พอใจ
ที่เห็นว่า นายนิพนธ์ มัวแต่สอบถามไม่ยอมรักษาได้ไปคว้าปืนพกสั้นขนาด 9 มม.จากรถยนต์ปิคอัพ ยี่ห้อ อีซูซุ สีเทา
ที่ขับมาจอดหน้าโรงพยาบาล
จากนั้นเดินเข้ามาไม่พูดพล่ามทำเพลงใช้อาวุธปืนจ่อยิงหน้าผาก นายนิพนธ์ 1 นัด ตายคาที่ในห้องฉุกเฉิน จากนั้นคนร้ายได้พา นางวาสนา ขึ้นรถยนต์ปิคอัพ
ขับออกไปทาง อ.วังน้ำเย็น อย่างรวดเร็ว เบื้องต้นตำรวจวิทยุประสานให้
สภ.วังน้ำเย็น ร่วมสกัดจับ
ต่อมาเวลา 02.30 น. พ.ต.อ.วิทยา เกษวิริยการ ผกก.สภ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงถล่มร้านคาราโอเกะชื่อร้านสันติภาพ
อยู่ปากซอยข้างโรงพยาบาลวังน้ำเย็น จ.สระแก้ว มีผู้เสียชีวิตเป็นหญิงสาวรวม 4
ศพ โดยคนร้ายใช้รถยนต์ปิคอัพ อีซูซุ สีเทา ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน
ซึ่งลักษณะตรงกับรถและคนร้ายที่ก่อเหตุยิงบุรุษพยาบาลโรงพยาบาลเขาฉกรรจ์เสียชีวิต จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.เกษม วงศ์ทอง สารวัตรเวรสอบสวน
สภ.วังน้ำเย็น รีบรุดไปที่เกิดเหตุ
เมื่อไปถึงพบว่า เป็นร้านคาราโอเกะหลังคามุงด้วยหญ้าคา
ชื่อร้านสันติภาพ(เขยลาว)คาราโอเกะ เลขที่ 127 ม.16 ต.วังน้ำเย็น อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ที่บริเวณโต๊ะบัญชี
พบศพนางสาวพุดทะวัน อายุ 18 ปี สัญญาติลาว เจ้าของร้านฯ
ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.กระสุนเข้าที่หน้าผากเหนือคิ้วขวา
ทะลุออกโหนกแก้มซ้าย จำนวน 1 นัด และกลางหน้าอก
ไม่ทะลุหลังอีก 1 นัด ตายคาที่ นอกจากนี้ ที่บริเวณโต๊ะอาหาร พบศพ น.ส.สุนิสา อุปดี อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ม.3 ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ซึ่งเป็นเด็กเสริฟในร้าน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันกระสุนเข้าที่ลำตัว 1 นัด และศรีษะอีก 1 นัด ตายคาที่ ที่ข้างโต๊ะพบศพ น.ส.นี ไม่ทราบนามสกุล อายุประมาณ 20 ปีเศษ บ้านอยู่ตำบลตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น เป็นเด็กเสริฟเช่นกัน ถูกยิงเข้าที่บริเวณ ลำคอใต้หูขวา ทะลุซ้าย และอีก 1 ศพ เป็นศพ น.ส.เมล์ ไม่ทราบนามสกุล อายุ 20 ปีเศษ บ้านอยู่อำเภอเขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว ถูกอาวุธปืนขนาดเดียวกัน กระสุนเข้าที่บริเวณ จมูก ทะลุศรีษะ และที่หัวไหล่ จุดละ 1 นัด และยังทราบอีกว่า มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 1คน ชื่อ นายดาม บุตรพรม อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 ม.4 ต.ตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ทำงานการไฟฟ้าวังน้ำเย็น ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้ำเย็นฯก่อนหน้านี้
จากการสอบถาม น.ส.สายฝน ไทยธานี อายุ 25
ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 ม.1 ต.ตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ซึ่งทำงานเป็นแม่ครัวประจำร้าน
กล่าวว่า ตนเองนอนอยู่ในห้องนอน ซึ่งช่วงนั้นร้านปิดแล้ว
และได้ยินเสียงปืนดังขี้นติดต่อกันหลายนัด แต่ไม่กล้าออกมาดู
จนเสียงปืนสงบและมีเสียงตะโกนร้องกันลั่น จึงได้ออกมาดูพบว่า สาวเด็กเสริฟ ทั้ง 3
คน ถูกยิงตายคาที่ทั้งหมด เมื่อเข้าไปดูที่โต๊ะบัญชีก็พบศพ น.ส.พุดทะวัน
เจ้าของร้านถูกยิงตายเช่นกัน
น.ส.สายฝน กล่าวต่อว่า น.ส.พุดทะวัน
เจ้าของร้านซึ่งเป็นคนลาวและเป็นเพื่อนของตน
และได้มาเซ้งกิจการร้านคาราโอเกะแห่งนี้ มาตั้งแต่ต้นมกราคมแล้ว
โดยเซ้งต่อมาจากนางวาสนา เทพเทียร บ้านเลขที่ 440 ม.16
ต.วังน้ำเย็น อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เจ้าของร้านเดิม
แต่ก็ยังใช่ชื่อร้านและกิจการเป็นชื่อของนางวาสนา เหมือนเดิม
ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่ามีเรื่องราวอะไรกัน
เพราะเด็กเสริฟในร้านก็ไม่เคยมีเรื่องอะไรกับใคร
จากการสอบสวนของ จนท.ทราบว่า นางวาสนา ซึ่งเป็นเจ้าของร้านคาราโอเกะเดิม
ได้มานั่งดื่มกินที่ร้านและได้มีปากเสียงทะเลาะกันกับ น.ส.พุดทะวัน ซึ่งเป็นคนลาว
และ เป็นเจ้าของร้านคนใหม่ จนเกิดการตบตีกันเด็กเสริฟในร้านอีก 3 คน จึงมาช่วยกันรุมตบตี นางวาสนา ด้วยจนฟกช้ำดำเขียวไปทั้งตัว จากนั้น
นางวาสนา จึงไปฟ้อง นายวีระ วางจังหรีด สามีนางวาสนา ซึ่งหลังจากก่อนเหตุยิงบุรุษพยาบาลแล้ว ได้ตามมาทวงแค้นแทนภรรยา
สำหรับ นายวีระ จากการตรวจสอบประวัติ พบว่า
ก่อนหน้านี้ก่อเหตุขโมยปืนเอชเค ของตำรวจ สภ.คลองหาด ไปเมื่อปีที่แล้ว
และถูกจับกุมได้ขณะนี้อยู่ระหว่างประกันตัวออกมาสู้คดี คาดว่าเมื่อนายวีระ
รู้ว่าภรรยาถูกรุมทำร้ายจึงโกรธจัด เมื่อพาเมียไปทำแผลที่โรงพยาบาลเขาฉกรรจ์
เกิดระงับสติไม่อยู่จากความไม่พอใจบุรุษพยาบาลที่ไม่รีบรักษาเมียตนเอง จนบันดาลโทสะใช้ปืนขนาด 9 มม.ยิงบุรุษพยาบาลจนตาย จากนั้นได้บุกมาที่ร้านคาราโอเกะ
แล้วกระหน่ำยิงสาวลาวเจ้าของร้านและเด็กเสริฟที่รุมยำเมียตนจนตายทั้งหมด 4 ศพคาร้าน ก่อนพาเมียหลบหนีไป
ขณะนี้ พล.ต.ต.ธเนตร์ พิณเมืองงาม ผบก.ภ.สระแก้ว ได้สั่งการให้
พ.ต.อ.เจนเชิง ประทุมสุวรรณ ผกก.สืบสวนสอบสวน ภูธรจังหวัดสระแก้ว
ประสานความร่วมมือกับชุดสืบสวน และ สอบสวน สภ.วังน้ำเย็น และ สภ.เขาฉกรรจ์
ออกไล่ล่ามือปืนโหดรายนี้อย่างเร่งด่วน โดยประสานไปยัง ฉก.กรม.ทพ. 12,ฉก.กรม.ทพ.13 และ ฉก.ตชด.12 ซึ่งดูแลพื้นที่ตะเข็บชายแดน
ด้าน จ.สระแก้ว ให้ช่วยสกัดเข้มหวั่นฆาตกรโหดหนีเข้ากัมพูชา
ที่มาข่าวจาก เดลินิวส์
จากการซักประวัติคนไข้
เพื่อให้เกิดประโยชน์กับตัวคนไข้เอง กลับกลายมาเป็นความรู้สึกน่ารำคาญในสายตาของฆาตกรจึงลันไกปืนจบชีวิตของบุรุษพยาบาลหนุ่มอนาคตไกล
สังคมสมัยนี้ช่างเปลี่ยนไปมากจริงๆ คราวนี้เวลาหมอแบงค์ซักประวัติคนไข้คงต้องระมัดระวังให้มากขึ้นแล้ว
ขอให้ตำรวจจับคนร้ายได้โดยเร็วครับ
เรื่องโดย ~หมูสนาม~
คำเตือน
บทความนี้ได้จดทะเบียนลิขสิทธิ์แล้วหากผู้ใดคัดลอกโดยไม่อ้างอิงที่มา จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ทางปัญญา