เรื่องราวตอนนี้หมอแบงค์สมัยเป็นEXTERN ได้ย้ายตัวเองจากท้องทุ่งนาอันกว้างใหญ่ของ
จ.พระนครศรีอยุธยา มาสู่สถานที่แห่งใหม่ซึ่งตรงกันข้ามกันราวฟ้ากับดิน สถานที่ฝึกแห่งใหม่นี้ก็คือโรงพยาบาลตำรวจ
ซึ่งอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานครที่รายล้อมไปด้วยป่าคอนกรีต
น้องๆและท่านผู้อ่านหลายท่านอาจจะเริ่มสงสัยว่าทำไมนักศึกษาแพทย์เวชปฏิบัติ(EXTERN) มศว ถึงได้ไปฝึกที่โน้นที
ที่นี่ที ตกลงต้องไปฝึกที่ไหนกันบ้างสับสนไปหมดแล้ว(-_-?) หมอแบงค์จะไขความกระจ่างให้ฟังเอง
เนื่องด้วย การที่จะได้แพทย์จบใหม่ออกมาคนหนึ่ง การมีความรู้ที่ดีเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ
การที่เราจะได้แพทย์ที่ดีได้ต้องอาศัยหลายองค์ประกอบร่วมกัน
อย่างที่หนึ่งคือ ความรู้
อย่างที่สองคือ คุณธรรมและจรรยาบรรณ
อย่างสุดท้ายคือ ประสบการณ์
ความรู้นั้นอาจหาเองได้ จากการอ่านหรือจากการถามผู้รู้คืออาจารย์
แต่ประสบการณ์นี่สิเกิดจากการค่อยๆฝึกฝนและบ่มเพาะ
เพราะฉะนั้นการจะให้นักศึกษาแพทย์มาอยู่รวมกัน กระจุกตัวในโรงพยาบาลแม่(โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพ
องค์รักษ์ จ.นครนายก)เพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เหมาะนัก
ทางคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒจึงมีแผนการสอนที่ต้องมีการส่งนักศึกษาไปยังสถาบันฝึกสอนร่วมเพื่อเป็นการหาความรู้และประสบการณ์เพิ่มเติม
สถาบันเหล่านั้นได้แก่
1.วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพและวชิรพยาบาล
(วพบ.) ซึ่งสถาบันนี้ถือเป็นเครือญาติของ
คณะแพทยศาสตร์ มศว เลยทีเดียว ย้อนไปในสมัยที่คณะแพทย์ มศว
พึ่งก่อตั้งยังไม่มีโรงพยาบาลเป็นของตนเอง นักศึกษาแพทย์ที่จบมาล้วนผ่านการฝึกที่
โรงพยาบาลวชิรทั้งนั้น
2.โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (สถาบันฝึกสอนร่วมแห่งใหม่ล่าสุด)
3.โรงพยาบาลประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ที่นี่จะเน้นเรื่องการออกชุมชนและเรียนรู้เรื่องระบบการบริหารโรงพยาบาลเป็นหลัก
4.โรงพยาบาลตำรวจ
ที่นี้จะได้รับการฝึกในแผนกอายุรกรรม สูติกรรม และศัลยกรรมกระดูก
รวมถึงได้รับการฝึกด้านนิติเวช
5.โรงพยาบาลช่วงฝึกงาน(Elective) ช่วงนี้เองทางคณะแพทยศาสตร์ มศว
ก็เปิดโอกาสอย่างเต็มที่ให้สามารถไปฝึกงานที่โรงพยาบาลใดๆก็ได้ทั่วประเทศไทย
หรืออยากจะไปเมืองนอกก็ได้สำหรับคนกระเป๋าตังหนัก
โดยเงื่อนไขมีเพียงข้อเดียว...นั้นก็คือโรงพยาบาลนั้นต้องเต็มใจรับดูแล
ซึ่งช่วงนี้เองหมอแบงค์ได้เลือกไปฝึกงานที่เชียงใหม่ อ่านได้จาก บันทึกไม่ลับนักศึกษาแพทย์ตอน>>> "เดินทางลัดฟ้า.....สู่นครเชียงใหม่" <<<
โรงพยาบาลตำรวจเป็นหนึ่งในสถานที่ฝึกปฏิบัติงานของนิสิตแพทย์เวชปฏิบัติ
หรือ EXTERN
มศว ซึ่งในช่วงนั้นEXTERNแบงค์ก็ต้องมาฝึกปฏิบัติงานในภาควิชาสูตินรีเวชที่โรงพยาบาลกลางกรุงแห่งนี้ เรามาดูประวัติโรงพยาบาลนี้กันคร่าวๆกันเลย
วิสัยทัศน์ของโรงพยาบาลตำรวจ คือ
บริการประทับใจ วิทยาการทันสมัย
ปลอดภัยได้มาตราฐาน เพื่อตำรวจและประชาชน
โรงพยาบาลนี้เดิมทีเดียวเป็นโรงพยาบาล สำหรับรักษาหญิงโสเภณีที่หลังวัดพลับพลาไชย ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2440 หลังจากนั้น 1 ปี กิจการการแพทย์ตำรวจถึงเริ่มขึ้น โดยรัฐบาลมีนโยบายให้เปลี่ยนโรงพยาบาลแห่งนี้มาเป็นโรงพยาบาลตำรวจสำหรับพลตระเวน เพื่อรักษาตำรวจที่เจ็บป่วยพิสูจน์บาดแผลและชันสูตรพลิกศพ เพื่อประกอบการพิจารณาคดีต่างๆ เดิมทีเดียวนั้นโรงพยาบาลนั้นมีอาคารสำหรับตรวจรักษาผู้ป่วยเพียงไม่กี่ตึก แต่เมื่อเวลาผ่านไปขนาดของโรงพยาบาลก็เติบโต สามารถรองรับผู้ป่วยได้เป็นจำนวนมาก จนกลายเป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิในปัจจุบัน
มาอาศัยอยู่ที่นี่EXTERNแบงค์แทบจะปรับตัวไม่ทันเลยทีเดียว
จะเห็นได้จากปัจจัยสี่ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
ปัจจัยที่หนึ่ง “อาหาร” ที่นี่ไม่ขัดสนเหมือนโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาที่มีแต่โรตีสายไหมให้กินจนหน้าจะบานเป็นโรตีอยู่แล้ว
อาหารการกินนั้นมีให้เลือกกินมากมาย เรียกได้ว่าอุดมสมบูรณ์
ไม่สิเรียกว่าเหลือล้นเลยดีกว่า ด้วยเหตุที่ว่าแค่เดินไปฝั่งตรงข้ามก็เจอกับ
Central World เดินไปข้างๆก็ Siam Paragon มาบุญครอง
ถึงแม้ที่นี่จะไม่มีปัญหาเรื่องความซ้ำซากของอาหารเหมือนอยุธยาที่กินร้านไหนก็กินอยู่แค่ร้านนั้น
เนื่องจากรอบข้างไม่มีอะไรขายนอกจากโรตีสายไหม
แต่อยู่ที่นี้กลับมีปัญหาใหม่เข้ามาแทนคือปัญหาค่าครองชีพ
อาหารแต่ละมื้อที่กินนั้นราคากรุงเทพ แถมราคากรุงเทพแบบกลางเมืองสุดๆด้วย
โดยอาหารแต่ละมื้อราคาเฉียดร้อย ยิ่งหากข้ามถนนไปกินฝั่ง Central World และ Siam Paragon ร้อยหนึ่งนี่เอาไม่อยู่หรอกครับ
ปัจจัยที่สาม “ที่อยู่อาศัย” EXTERNแบงค์พักอาศัยอยู่ที่ชั้น 11 ของอาคารสูงแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใจกลางของโรงพยาบาลตำรวจ
ซึ่งหากมองลงไปจากความสูงระดับนี้ สามารถเห็นวิวทิวทัศน์โดยรอบของที่นี่ได้หมด
อาคารนี้มีชื่อสวยหรูว่า “อาคารบำบัดน้ำเสีย…???” อย่าเพึ่งงงกับชื่อครับ เนื่องจากมันก็ตรงตัวอยู่แล้ว เพราะน้ำเสีย
น้ำเน่าจากทุกอาคารในโรงพยาบาลตำรวจจะไหลมารวมเพื่อรอการบำบัดที่อาคารนี้
กลิ่นเวลาเดินอยู่ที่ชั้นหนึ่งแรงมากเลยทีเดียว โชคดีที่EXTERNแบงค์พักอยู่ชั้น 11 กลิ่นเลยลอยขึ้นไปไม่ถึง
แต่ที่ตามไปถึงก็คือแมลงสาบเจออยู่แทบทุกวันจนแทบจะเป็นเพื่อนร่วมห้องอยู่แล้ว
ยังดีที่ห้องพักที่นี่มีแอร์เย็นช่ำสบาย ค่าน้ำค่าไฟไม่ต้องเสีย และ Wireless
ที่นี่แรงสุด(แรงแบบ irregular นะ
แบบว่าผีเข้าผีออก บทจะเร็วก็เร็วโคตร บทจะช้าก็อย่างกับเต่า)
ปัจจัยสุดท้าย “ยารักษาโรค” อันนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นอย่างไร เนื่องจากมาที่นี่ยังไม่เคยป่วย
แต่ในโรงพยาบาลก็คงไม่ขัดสนเรื่องยาอยู่แล้ว แต่จากการที่ Round Ward มาหลายวันก็พบว่าโรงพยาบาลตำรวจเข้มงวดเรื่องสิทธิการรักษามาก
ไม่รู้ว่าการเบิกจ่ายยาจะเหมือนศูนย์แพทย์หรือไม่
เรื่องโดย ~หมูสนาม~
คำเตือน
บทความนี้ได้จดทะเบียนลิขสิทธิ์แล้วหากผู้ใดคัดลอกโดยไม่อ้างอิงที่มา จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ทางปัญญา