นักเรียนหมอมีอุปนิสัยแบบไหนกันบ้าง?
จากการที่หมอแบงค์ได้ผ่านการเป็นนักศึกษาแพทย์มาเป็นระยะเวลาถึง
6
ปี หมอแบงค์ได้พบปะผู้คนมากมาย ได้มีเพื่อนที่เป็นหมอทั้งสถาบันเดียวกันและต่างสถาบัน
หลังจากได้ผ่านประสบการณ์อันยาวนาน(พูดเหมือนตนเองแก่เลย 55)
หมอแบงค์จึงได้รู้ว่าคนที่เรียนแพทย์นั้นสามารถจำแนกตามอุปนิสัยได้หลายประเภท
ดังนี้
ประเภทที่ 1 : พวกทีมชาติ
พวกทีมชาติคือพวกที่เห็นเรื่องคะแนนมาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
แบบว่าไม่มีอะไรในโลกนี้สำคัญเท่าคะแนนแล้ว
เหมือนที่พี่หมอไปปลอบใจเพื่อที่เสียใจเรื่องคะแนน แต่ดันเป็นพี่หมอเองที่ได้คะแนนน้อยก็เพื่อนซะอีก
ที่เพื่อนเสียใจเพราะกลัวไม่ได้ที่หนึ่งซะงั้น ทั้งหมดนี้มาจากความคาดหวังที่มีไว้สูงเกินไป
ยิ่งคาดหวังไว้สูงก็ยิ่งตกลงมาเจ็บครับ การใช้ชีวิตตามพระราชดำรัสของพ่อหลวงของเรา
ใช้หลักพอเพียงมาประกอบการใช้ชีวิตนั้นดีที่สุด
จริงๆแล้วพวกทีมชาตินั้นสามารถจำแนกได้อีกเป็นสองประเภทย่อย
1.พวกเห็นแก่ตัว
2.พวกมีน้ำใจประเสริฐ
จะเห็นว่าคนที่เรียนดีนั้นแบ่งได้สองประเภท มีทั้งคนที่เห็นแก่ตัว คะแนนนั้นคือพระเจ้า คะแนนนั้นคือทุกๆอย่าง หมอแบงค์เกลียดคนประเภทนี้มากครับ ส่วนคนที่มีน้ำใจก็มีน้ำใจประเสริฐมาก หากน้องๆเข้ามาเรียนในคณะแพทยศาสตร์น้องๆต้องเจอคนทั้งสองประเภทนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เหมือนหลักคำสอนของขงจื้อ
"มีขาวก็ต้องมีดำ มีแสงสว่างก็ต้องมีเงาตามมา ทุกอย่างล้วนเกิดมาคู่กัน"
นักเรียนหมอประเภทนี้ คือพวกที่ชอบทำกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นเล่นกีฬา ตั้งวงดนตรี ทำงานค่ายอาสาต่างๆ แบบว่ามีงานอะไรไม่ต้องขอร้องวิ่งเข้าหาเองหมด ส่วนมากของคนประเภทมักเป็นคนกล้าแสดงออก ร้องรำทำเพลง เต้นนี่กล้าหมด บางคนได้ไปออกงานถึงระดับมหาลัย เหรอระดับประเทศเลยก็มี จะเห็นว่าคนเรียนหมอไม่ต้องเป็นเด็กเรียนใส่แว่นหนาเตอะนะครับ แต่บางครั้งทำกิจกรรมมากไปจนเสียเวลาเรียนก็ไม่ดี สำคัญที่สุดคือการแบ่งเวลาให้เป็นครับ
พบว่ามีนักเรียนหมอที่มีอุปนิสัยลักษณะนี้ปะปนอยู่จำนวนมาก
พวกนี้มักมีโลกส่วนตัวเป็นของตนเอง บางครั้งจับกลุ่มกันเป็นกลุ่มโอตาคุของรุ่นก็มี
โดยมากคนลักษณะนี้ไม่มีพิษภัยอะไร เพียงแต่อาจจะเข้าถึงยากสักหน่อย โอตาคุตอนเวลาส่วนตัวน่ะได้ แต่อย่าไปโอตาคุตอนเรียนเหรอต่อหน้าคนไข้นั้นไม่ดีนะครับ สรุปโอตาคุก็เป็นหมอได้นะครับ
จะเห็นว่าคนที่เรียนดีนั้นแบ่งได้สองประเภท มีทั้งคนที่เห็นแก่ตัว คะแนนนั้นคือพระเจ้า คะแนนนั้นคือทุกๆอย่าง หมอแบงค์เกลียดคนประเภทนี้มากครับ ส่วนคนที่มีน้ำใจก็มีน้ำใจประเสริฐมาก หากน้องๆเข้ามาเรียนในคณะแพทยศาสตร์น้องๆต้องเจอคนทั้งสองประเภทนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เหมือนหลักคำสอนของขงจื้อ
"มีขาวก็ต้องมีดำ มีแสงสว่างก็ต้องมีเงาตามมา ทุกอย่างล้วนเกิดมาคู่กัน"
หมอแบงค์จะบอกว่าแพทย์ที่ดีไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เรียนเก่ง
หรือเป็นคนหัวดี ความมีน้ำใจ รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราต่างหากถึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
คะแนนที่สวยหรู การได้เกียรตินิยม สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นแค่เปลือกที่ห่อหุ้มความน่าเกลียดของจิตใจเอาไว้
ทำไมเราต้องดีแต่เปลือกนอกด้วย สู่เราดีทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและภายในไม่ดีกว่าเหรอ
จะเห็นว่าแพทย์ที่จบมามีชื่อเสียงหลายๆคนล้วนจบมามิได้มีเกรดสูง
ประเภทที่ 2 : เด็กกิจกรรม
นักเรียนหมอประเภทนี้ คือพวกที่ชอบทำกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นเล่นกีฬา ตั้งวงดนตรี ทำงานค่ายอาสาต่างๆ แบบว่ามีงานอะไรไม่ต้องขอร้องวิ่งเข้าหาเองหมด ส่วนมากของคนประเภทมักเป็นคนกล้าแสดงออก ร้องรำทำเพลง เต้นนี่กล้าหมด บางคนได้ไปออกงานถึงระดับมหาลัย เหรอระดับประเทศเลยก็มี จะเห็นว่าคนเรียนหมอไม่ต้องเป็นเด็กเรียนใส่แว่นหนาเตอะนะครับ แต่บางครั้งทำกิจกรรมมากไปจนเสียเวลาเรียนก็ไม่ดี สำคัญที่สุดคือการแบ่งเวลาให้เป็นครับ
พวกนี้ก็มีอยู่จำนวนมากเช่นกัน
มีอยู่ว่าติดมากติดน้อยแค่นั้น เกมส์ยอดนิยมได้แก่ DOTA , Counter
Strike , เกมส์Onlineต่างๆ พวกที่ติดมากจะเล่นเกมส์ทั้งวันทั้งคืนจนเสียการเรียน
ความต้องการของคนพวกนี้มีมากครับ ขนาดเน็ตมหาลัยBlock การเล่นเกมส์แล้วก็ยังอุตสาห์ไปหาวิธีHackจนเล่นได้
ไม่ก็เสี้ยนมากออกจากมหาลัยไปเล่นที่ร้านเกมส์หลังมอจนถึงเช้าก็มี ส่วนใหญ่คนพวกนี้มักติดเกมส์จนตกหลายวิชา
และเลวร้ายที่สุดคือต้องถูกพักการเรียนซ้ำชั้นโดยปริยายครับ
เกมส์นะเล่นได้แต่ต้องรู้จักคำว่าพอครับ
ประเภทที่ 5 : พวกสายธุรกิจ
นักเรียนแพทย์พวกนี้มักมีความไม่อยากเป็นหมออยู่เป็นทุนเดิม
เช่นพ่อแม่บังคับให้เรียนแพทย์ ไม่ก็หลงในอำนาจของเงินตรา
ลองคิดดูว่าการหาเงินได้ในขณะที่ยังเรียนไม่จบมันเทพขนาดไหน(นั้นคือสิ่งที่พวกเขาคิด)
คนพวกนี้มักมีหัวการค้าสิ่งที่เขานิยมลงทุนได้แก่การเล่นหุ้น
ไม่ก็ทำธุรกิจขายตรง โดยจากประสบการณ์ตรงหมอแบงค์มีเพื่อนอยู่คนหนึ่งมาเสนอขายของให้
จนหมอแบงค์บอกไม่เอาและโดนเพื่อนโกรธอยู่นานเกือบจะเสียเพื่อนไปแล้วไหมล่ะ และมีรุ่นพี่อยู่คนหนึ่งมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการขายของ
รวมถึงเล่นหุ้นจนต้องซ้ำชั้นจบช้ามาถึงสิบปีแบบว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันเรียนจบจนกลับมาเป็นอาจารย์
มีเมียมีลูกไปหมดแล้ว
ประเภทที่ 6 : พวกไฮเทค
นักเรียนแพทย์กลุ่มนี้คือพวกที่ชอบเทคโนโลยีมาเป็นอันดับหนึ่ง
คอมพิวเตอร์รุ่นไหนดีนี่รู้หมด IPhone , Ipad นี่มีทุกคน
ข่าวไอทีอัฟเดทสามารถถามคนเหล่านี้ได้
ส่วนใหญ่คนพวกนี้มักได้งานเป็นฝ่ายโสตประจำรุ่น เวลาทำคลิปวีดีโองานค่าย
เหรอถ่ายรูป ลงโปรแกรมต่างๆสามารถเรียกใช้พวกเขาได้
ประเภทที่ 7 : พวกเฉยๆ
ตามชื่อครับ พวกนี้เป็นพวกเฉยๆ มนุษยสัมพันธ์ไม่ค่อยมีแบบว่าเข้าถึงยากครับ
กิจกรรมต่างๆแทบไม่เคยเข้าร่วม ไม่ก็เอ่อออตามเขาไปซะทุกอย่าง อาจเนื่องด้วยความไม่กล้าแสดงออกเหรอไม่ก็มีนิสัยขี้อายอยู่เป็นทุนเดิม
จนแบบว่าไม่เคยคุยกับใครเลยจนเพื่อนๆหลายคนคิดว่าคนเหล่านี้น่ากลัวมาก จริงๆแล้วหลายคนที่มีอุปนิสัยเช่นนี้นั้นลึกๆเป็นคนที่ดีมากคนหนึ่งเลย
เพราะฉะนั้นจงอย่ามองคนอื่นจากภายนอกนะครับ
ประเภทที่ 8 : พวกแปลก
ในรุ่นหนึ่งๆของนักศึกษาแพทย์มักจะมีคนที่มีลักษณะนิสัยแปลกปะปนอยู่
1-2
คนต่อรุ่น ถ้าแปลกแล้วไม่เสียการเรียน ไม่เบียดเบียนใครก็ดีไป
แต่มีบางคนที่แปลกและเป็นโรคทางจิตเวช
พอมาเจอการเรียนแพทย์ที่เครียดและหนักอาการก็กำเริบหนักมากก็มี
ไม่น่าเชื่อว่าคณะแพทย์ที่ตอนสัมภาษณ์จะมีการคัดกรองผู้เรียนด้วยแบบทดสอบทางจิตเวชมาแล้วจะมีคนพวกนี้หลุดเข้ามาได้
จริงๆแล้วลักษณะคนเรียนแพทย์นั้นไม่มีแบบแผนตายตัวหรอก
อาจมีหลายๆแบบรวมอยู่ในนคนเดียวก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าอุปนิสัยแบบไหนจะเด่นออกมา
น้องๆล่ะครับอยากเป็นหมอแบบไหน
ลองมาแชร์ความคิดกันได้นะครับ ^^
เรื่องโดย ~หมูสนาม~
คำเตือน
บทความนี้ได้จดทะเบียนลิขสิทธิ์แล้วหากผู้ใดคัดลอกโดยไม่อ้างอิงที่มา จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ทางปัญญา