วันศุกร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2558

เมื่อต้องตัดสินใจครั้งใหญ่+โรคตับแข็งเป็นอย่างไรมาดูกัน



คุณเคยตัดสินใจครั้งสำคัญบ้างไหม
หากคุณคิดว่าการตัดสินใจเรื่องการเรียนต่อ
การตัดสินใจเรื่องการลงทุนทำธุรกิจเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่
การตัดสินใจเหล่านั้นอาจธรรมดาไปเลย
เมื่อเทียบกับการตัดสินใจครั้งนี้
เพราะนี้เป็นการตัดสินเกี่ยวกับชีวิตของบุคคลที่เรารัก

        เหตุการณ์ที่หมอแบงค์กำลังจะเล่าต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งหมอแบงค์ได้ประสบพบเจอมาหลายต่อหลายครั้ง ไม่ใช่แค่หมอแบงค์เท่านั้นที่ได้พบเหตุการณ์เหล่านี้ แพทย์คนอื่นที่ยังปฏิบัติหน้าที่รักษาคนไข้ก็ล้วนได้พบเหตุการณ์ลักษณะนี้เช่นกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้นน้องๆหรือใครก็ตามที่ต้องการจะเป็นแพทย์ก็ควรรู้เอาไว้

         ลุงเอ(นามสมมติ) อายุ 55 ปี โรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูง มาโรงพยาบาลวชิรด้วยอาการพิษสุราเรื้อรังเป็นประจำ แพทย์พยายามให้ลุงเอเลิกเหล้า แต่ลุงเอก็ไม่สามารถทำได้ หมอแบงค์พยายามเต็มที่ที่จะช่วยเหลือลุง แต่ความพยายามนั้นล้วนไร้ผล ไม่ว่าหมอแบงค์แนะนำอย่างไรลุงแกก็ไม่สามารถเลิกเหล้าได้ ขนาดภรรยาของลุงเอคือป้าเบญและลูกๆหลานๆขอร้อง ลุงเอได้แต่ออกปากรับคำ แต่ท้ายที่สุดลุงแกก็กลับมากินเหล้าอีกแถมยังเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ


         หมอแบงค์พบลุงเอตั้งแต่ยังเป็นEXTERNหรือนักศึกษาแพทย์ปีหก จนกระทั้งเรียนจบหมอทั่วไปมาเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉินก็ยังคงพบลุงมาด้วยอาการเดิมคือพิษจากสุรา

        ตามที่หมอแบงค์คาดการณ์เอาไว้ในที่สุดลุงเอก็มี ภาวะตับแข็งในที่สุด โดยปกติตับเปรียบเสมือนโรงงานใหญ่ที่คอยจัดการกับสารอาหารต่างๆ เมื่อคนเรากินเข้าไป ตับจะสลายและสร้างสารตัวใหม่ที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย ขณะเดียวกันสารต่างๆ ที่ร่างกายใช้ไปแล้ว จะกลับมาเผาผลาญที่ตับ เพื่อขับเป็นของเสียออกจากร่างกาย ตับยังทำหน้าที่อย่างดีเพื่อดูแลสุขภาพของเรา เช่น ขจัดสารพิษหรือเชื้อโรคออกจากเลือด สร้างภูมิคุ้มกันบางอย่างขึ้นมาเพื่อต่อสู้โรคติดเชื้อ นอกจากนี้ ยังทำหน้าที่สร้างโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบในการทำให้เลือดแข็งตัว ทำหน้าที่สร้างน้ำดี ซึ่งมีบทบาทในการดูดซึม ไขมันและวิตามินชนิดละลายในน้ำมันให้กับร่างกาย ลองนึกดูสิครับว่าถ้าอวัยวะชิ้นสำคัญนี้ทำงานบกพร่องเหรอหยุดการทำงานลงจะเกิดอะไรขึ้น

         โรคตับแข็ง(Cirrhosis)เป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้เกิดการสูญเสียโครงสร้างของตับ โดยปกติเนื้อตับจะนุ่ม แต่ถ้ามีอาการ อักเสบหรืออันตรายต่อตับ เนื้อตับจะถูกทำลายกลายเป็นพังผืดลักษณะคล้ายแผล ซึ่งจะทำให้ไปเบียดเนื้อ ตับที่ดี และทำให้เลือดไปเลี้ยงตับน้อยลง ถ้ามีการทำลาย เซลล์ตับอย่างเรื้อรังจนมีพังผืดเกิดขึ้นมาก เนื้อตับที่เคยนุ่มจะค่อยๆ แข็งขึ้น จนกลายเป็น ตับแข็งŽ ในที่สุด ส่งผลให้สมรรถภาพการทำงานของตับลดลง ซึ่งนำมาสู่สุขภาพร่างกายแย่ลงด้วย
         โรคตับแข็งนี้ไม่มีทางรักษาให้หายขาด เพราะเซลล์ตับที่ถูกทำลายไปแล้ว ไม่สามารถฟื้นกลับมาเป็นปกติได้ แต่สามารถชะลอหรือหยุดการทำลายตับได้ ถ้าเป็นตับแข็งระยะเริ่มแรก และปฏิบัติตัวได้เหมาะสม ซึ่งจะสามารถมีชีวิตได้นานเกิน 5-10 ปีขึ้นไป แต่ถ้าปล่อยให้มีภาวะแทรกซ้อนชัดเจน เช่น ดีซ่าน ท้องมาน อาเจียนเป็นเลือด ก็จะมีชีวิตสั้น อาจอยู่ได้ 2-5  ปี  แถมช่วงสองปีสุดท้ายที่มีชีวิตอยู่จะเป็นช่วงที่แสนทรมานสุดๆ
อาการต่างๆของคนมีภาวะตับแข็ง

ตับแข็ง

ภาวะดีซ่าน

ภาวะท้องมาน

          โดยปกติตับเป็นอวัยวะที่อึดมาก เซลล์ตับนั้นมีการแบ่งตัวและซ่อมแซมทดแทนเซลล์ที่ถูกทำลายอยู่เสมอ ขนาดคนไข้ที่ได้รับอุบัติเหตุตับฉีกมีเลือดออกมากจนต้องตัดตับบางส่วนทิ้ง ตับส่วนที่เหลือยังสามารถแบ่งตัวทดแทนส่วนที่ถูกทำลายจนกลับมาทำงานเป็นปกติได้

        ตับเป็นอวัยวะที่อึดขนาดนี้แต่ตับของลุงเอก็แข็งไปแล้ว แสดงว่าตับต้องถูกทำลายไปมากจริงๆ ถึงกระนั้นลุงเอก็ยังไม่เลิกกินเหล้า

        ลุงแกให้เหตุผลว่า ไหนๆก็ต้องตายอยู่แล้วจะกลัวไปทำไม ใช้ชีวิตให้มันเต็มที่สิ

        หมอแบงค์ได้ยินแล้วรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้ลุงแกจะไม่สนชิวิตตัวเอง อย่างน้อยก็น่าจะสนความรู้สึกของคนที่อยู่รอบข้างบ้าง ยังมีป้าเบญภรรยาคู่ชีวิตที่อยู่ด้วยกันมามากกว่าสี่สิบปี ที่คอยเป็นห่วง ดูแลอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง อีกทั้งยังมีลูกๆหลานๆที่เป็นกังวลใจทุกครั้งที่อาการของลุงทรุดลง

       ระยะหลังลุงเอก็เริ่มมาโรงพยาบาลบ่อยขึ้น ซึ่งนี่เป็นสัญญาณที่ไม่ดีเลย ขณะนี้ลุงเอมีอาการตับแข็งระยะสุดท้ายครบทุกอาการ มีภาวะดีซ่านตาของลุงตอนนี้เหลืองยิ่งกว่าน้ำผึ้ง ท้องของลุงเอป่องออกมาเหมือนคนท้องเนื่องจากมีภาวะท้องมาน แถมหลอดเลือดดำที่ท้องก็ปูดโปนออกมาจากความดันในหลอดเลือดดำที่สูงขึ้น การหายใจของลุงก็ติดขัดเนื่องจากน้ำในท้องมีปริมาณมากจนดันให้ปอดขยายตัวไม่เต็มที่ขณะหายใจเข้า



         หมอแบงค์ต้องช่วยลุงเอโดยการเจาะน้ำในท้อง(Abdominal paracentesis)เพื่อเป็นการระบายน้ำในช่องท้องออก และเพื่อเป็นการเอาน้ำไปตรวจด้วยว่ามีการติดเชื้อในช่องท้องหรือไม่ โดยผู้ป่วยจะต้องถูกเข็มเบอร์ใหญ่จิ้มเข้าไปในท้อง หมอแบงค์ของบอกเลยว่ามันไม่ได้เจ็บธรรมดา มันเจ็บมากครับลองนึกสภาพเปลี่ยนหัวเข็มฉีดยาปกติที่มีขนาดเท่าปลายดินสอมาเป็นขนาดเท่าหลอดดูดน้ำดูสิครับ มันจะเจ็บขนาดไหน แต่การเจาะน้ำออกนี่ไม่ใช่การรักษาที่หายขาด เป็นเพียงการบรรเทาอาการและแก้ที่ปลายเหตุเท่านั้น ต้นเหตุคือตับที่ถูกทำลายก็ยังคงอยู่ ซักวันน้ำก็ต้องกลับมาอีก




ตัวอย่างการเจาะน้ำในช่องท้อง

           ลุงเอทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก นอกจากอาการท้องมานและลุงเอยังมีอาการอ่อนเพลียคลื่นไส้อาเจียน กินอาหารไม่ได้เลย ร่างกายผอมลงเป็นอย่างมาก ร่างกายเหลือเป็นเพียงหนังหุ้มกระดูก หมอแบงค์สามารถใช่มือเพียงข้างเดียวก็กำแขนของลุงได้รอบแล้ว สภาพไม่ต่างอะไรจากซากศพ


         “ลุงน่าจะเชื่อหมอ เลิกเหล้าตั้งแต่แรก…” ลุงเอ่ยขึ้นมาลอยๆให้หมอแบงค์ได้ยิน ในที่สุดลุงเอก็คิดได้แต่อาการของลุงนั้นเป็นมากเกินจะเยียวยาเสียแล้ว ได้แต่รอวันที่จะละสังขารเท่านั้น


       เวลาผ่านไปอาการของลุงเอค่อยๆทรุดลงเรื่อยๆ จากที่ต้องมาโรงพยาบาลเพื่อเจาะน้ำในท้องทุกสองเดือน ก็ต้องมาถี่ขึ้นเป็นเดือนละครั้ง สองอาทิตย์ครั้ง มาทุกอาทิตย์ และสุดท้ายก็คือวันนี้

        อาการของลุงเอคราวนี้หนักมาก ลุงเอนอนไม่ได้สติอยู่ในภาวะช๊อค ความดันเลือดลดต่ำมาก หายใจ Air Hunger มีไข้สูง ท้องป่องขึ้นเหมือนลูกโป่งที่ใกล้ปริแตกออกมาได้ทุกเมื่อ 


เกร็ดความรู้: Air Hunger เป็นคำที่แพทย์ใช้เรียกลักษณะการหายใจของคนไข้ที่ค่อนข้างแย่แล้ว โดยคนไข้จะหายใจฮุบเอาอากาศเป็นคำๆ หากนึกไม่ออกลองนึกถึงปลาเวลาใกล้ตายนอนพังงาบ ปากฮุบอากาศนั้นล่ะใช่เลยครับ ถ้าจะแปลตรงๆ Air Hunger ก็แปลว่าหิวกระหายอากาศนั้นเอง >_<

       หมอแบงค์เพึ่งทราบมาภายหลังว่านอกจากลุงเอจะเป็นภาวะตับแข็งแล้ว ลุงแกยังเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้ายด้วย และมะเร็งเจ้าเนื้อร้ายได้ลุกลามไปปอดและกระดูกของลุงเอหมดแล้ว ซึ่งมะเร็งตับและตับแข็งมักจะมาคู่กันเสมอ 

        โดยปกติถ้าคนไข้มาด้วยภาวะช๊อคและหายใจแบบนี้ หมอแบงค์จะต้องรีบทำการช่วยชีวิตโดยการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ให้ยากระตุ้นความดันและการเต้นของหัวใจ รวมถึงต้องใส่ท่อช่วยหายใจเนื่องจากคนไข้หายใจเองไม่ไหวแล้ว แต่กรณีของลุงเอนั้นต่างออกไป อาการของลุงเอถือว่าเข้าได้กับผู้ป่วยระยะสุดท้าย คราวนี้ไม่ใช่แค่หมอเท่านั้นที่ต้องตัดสินใจ คราวนี้ญาติและคนใกล้ชิดต้องร่วมตัดสินใจด้วยว่าอยากให้แพทย์รักษาไปในแนวทางไหน

        คราวนี้ไม่ใช่การตัดสินใจธรรมดาๆ เป็นการตัดสินใจเกี่ยวกับชีวิตของบุคคลที่เรารัก คำตอบที่ญาติมักเลือกคือคำตอบดังต่อไปนี้

       คำตอบแรก หมอยังไงก็ต้องช่วยชีวิตของคนไข้ให้ได้นะ ให้รักษาเต็มที่แบบว่าเป็นไงเป็นกัน ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ให้ยากระตุ้นความดันและการเต้นของหัวใจ รวมถึงต้องใส่ท่อช่วยหายใจ และหากหัวใจของลุงหยุดเต้นเมื่อไรหมอก็ต้องปั้มหัวใจให้กลับมาเต้นให้ได้

     จากการที่หมอแบงค์ทำงานรักษาคนไข้มานาน ญาติที่เลือกคำตอบนี้มักจะรักคนไข้เป็นอย่างมาก และทำใจไม่ได้ที่จะต้องสูญเสียเขาไป

      บางครั้งการยื้อชีวิตนั้นอาจไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด การยืดชีวิตนั้นอาจทำให้ลุงนั้นตายช้าลงอีกสองวัน สองชั่วโมง หรืออาจจะสิบนาทีไม่มีใครบอกได้ขึ้นอยู่กับผลบุญกุศลที่คนไข้ทำมาและสภาพของคนไข้ว่าไหวแค่ไหน ในความเห็นของหมอแบงค์การยืดชีวิตของลุงต่อไปอาจเป็นการทำให้ลุงทรมานมากขึ้น บ่วงกรรมของลุงกำลังจะหมดไป ก็ให้ลุงเขาไปสบายเถอะ หมอแบงค์เคยเห็นคนไข้ที่ญาติเลือกแนวทางนี้ หมอแบงค์ก็ช่วยคนไข้จนหัวใจกลับมาเต้นได้แต่คนไข้ไม่ตื่น เนื่องจากสมองขาดเลือดไปนานในช่วงที่หัวใจหยุดเต้น และต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคร้ายต่อ มีการติดเชื้อซ้ำซ้อนสุดท้ายก็เสียชีวิตในที่สุด

      คำตอบที่สอง คุณหมอค่ะ คุณพ่อทนทุกทรมานมามากแล้ว การให้สารน้ำ ใส่ท่อช่วยหายใจ และการกดปั้มหัวใจนั้นเป็นการยื้อชีวิตเขาไว้ อยากให้หมอทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้คุณพ่อไม่ทนทุกข์ทรมานไปมากกว่านี้

     หากญาติเลือกคำตอบนี้ หมอแบงค์ก็จะเสนอตัวเลือกคือให้ยา Morphine กับคนไข้ Morphineนั้นนอกจากจะเป็นยาเสพย์ติดแล้ว ในทางการแพทย์ยังเป็นยาแก้ปวดขนานเอก ฤทธิ์ยาแก้ปวดนั้นมีมาก อาการเจ็บปวดของคนไข้จะหายไป แต่ผลข้างเคียงของยาคือกดการหายใจ หายให้เป็นระยะเวลานานคนไข้จะหายใจช้าลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็เสียชีวิต อันนี้เป็นตัวเลือกที่ดีหรือไม่….ไม่มีใครบอกได้

       คำตอบที่สาม ผมไม่อนุญาตให้หมอเจาะเลือด ให้น้ำเกลือ ใส่ท่อช่วยหายใจ รวมถึงไม่อนุญาติให้หมอให้ยาใดๆทั้งสิ้น คุณพ่อเจ็บมามากแล้ว ผมไม่อยากให้คุณพ่อเจ็บเนื่องจากเครื่องมือของหมออีก

       หากเจอคำตอบนี้หมอแบงค์จะรู้สึกแย่มาก เพราะไม่อนุญาตให้หมอทำการรักษาใดๆเลย แบบนี้จะมาโรงพยาบาลทำไม สู้ให้คนไข้จบชีวิตที่บ้านตนเอง บ้านที่ผู้ป่วยมีความผูกพันตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย  บ้านที่พร้อมหน้าด้วยญาติและมิตรสหายอันเป็นที่รัก ไม่ดีกว่าเหรอ

       คำตอบที่ป้าเบญและลูกๆหลานๆเลือกคือคำตอบข้อสอง คือให้หมอแบงค์ให้ยามอร์ฟีนแก่คนไข้ เพื่อให้ความเจ็บปวดของลงทุเลาลง ซึ่งหลังจากได้ยาไปอาการหายใจหอบเหนื่อยนั้นดีขึ้น แต่อัตราการหายใจของลุงเอก็ค่อยๆช้าลงเรื่อยๆ จนหยุดหายใจในที่สุด

       ลุงแกไปสบายแล้ว เขาทนทรมานกับอาการดังกล่าวมาหลายปี ในที่สุดเขาก็พ้นจากบ่วงกรรมสักที ขอบคุณคุณหมอมากค่ะที่ช่วยดูแลมาตลอด นี่คือคำพูดของป้าเบญก่อนจากกัน  เป็นน้องๆจะเลือกคำตอบไหนครับ

       นี่คือประสบการณ์ตรงที่หมอแบงค์ต้องการมาถ่ายทอดให้ท่านผู้อ่านฟัง นี่เป็นเหตุการณ์ที่คนที่ตัดสินใจมาเรียนแพทย์จะต้องเจออย่างแน่นอน ทุกข์ชีวิตมีเกิดแก่เจ็บตายเป็นของคู่กัน เราควรใช้ทุกวันนี้ให้ดีที่สุด หมั่นสร้างบุญกุศลไว้ให้มาก
                                                                เรื่องโดย ~หมูสนาม~
พี่หมอ
คำเตือน
บทความนี้ได้จดทะเบียนลิขสิทธิ์แล้วหากผู้ใดคัดลอกโดยไม่อ้างอิงที่มา จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ทางปัญญา

20 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ17 กรกฎาคม 2556 เวลา 17:30

    คนที่เขาเป็นโรคนี้เขาไม่เคยรักตัวเองและคนรอบข้ามแม้ว่าคนรอบข้ามจะรักเขามากแค่ใหนเขาก็คิดทำให้ตัวเองเจ็บและทรมาน

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ17 กรกฎาคม 2556 เวลา 18:54

    โรคตับแข็งระยะท้าย โรคนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะคนที่ดื่มเหล้าเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นกับแม่ซึ่งไม่มีโรคประจำตัวมาก่อน แต่อาการทรุดหนักเพราะไปทำยาหมักเองโดยสูตรที่ดังๆ ที่สุดในปี 2553 แม่ทดลองยาเองกินเองจนตัวเหลือง ฉี่เหลือง ทองโต หาหมอ ก็ไม่สามารถฟันธงได้ว่าเกิดจากยาหมักดังกล่าว แม่อยู่ได้สองเดือนเต็ม แม่ก็เสียชีวิต เป็นเรื่องเศร้าที่สุดที่เกิดขึ้นตอนนั้น ลูกอย่างฉันเลือกที่จะไม่เจาะท่อ ไม่ปั้มหัวใจ ปล่อยให้แม่ไปอย่างสงบที่สุด แม่ไปอยู่กับพระเจ้าแล้วค่ะ นี่เป็นสิ่งที่ฉันดีใจมากที่สุดที่ไม่ต้องเห็นแม่ทุกข์ทรมานหลังจากที่รู้ว่าโรคนี้ไม่มีทางรักษา ไม่มีวันหาย แต่คนรอบข้างต่างก็ต่อว่า ว่า ทำไมไม่พาแม่ไปรักษาโรงพยาบาลเอกชน นี้เป็นคำถามที่ฉันเอง ก็ใจหายที่สุด ทำไมนะ ว่าจะรู้ก็สาย แม่ไปไหนไม่ไหวแล้ว นี่อาจเป็นอุทธาหรณ์ในการตัดสินใจอีกเรื่องหนึ่งที่อยากฝากไว้ หลากหลายความคิด แต่เราต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดและเข็มแข็งที่สุดกว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้

    ตอบลบ
  3. ได้ฟังคำบอกจากหมอ FM102 รายการวันอาทิตย์ สามโมงเช้า หมอเก่งมากมีคลีนิกที่ถนนพระรามสอง หมอบอกนำ้หมักที่ฮิตนั้น เสี่ยงมาก ทำกันเหมือนง่ายๆ แต่ ไม่สามารถควบคุมจุลรินทรีย์ที่เกิดขึ้นได้เลย นำมากินกัน ไม่ถูกหลักเลย หยุดความคิดนี้ได้เลย ผมเคยดูรายการป้าแก่ เอานำ้หมักใส่อ่างวายนำ้เด็กแล้วใช้หน้าม้าที่ป้าแก่บอกป่วยหนักขยับตัวไม่ได้ อัมพาตรประมาณนั้น แช่ แล้วป้าแก่ก็บอกลุกขึ้น ลุกขึ้น หน้าม้าก็ลุก ป้าแกหลอกขนาดนี้ เชื่อกันเข้าไปได้ไง การเจ็บป่วยไปหาหมอแต่เนิ่นๆเทอะครับ เราไม่มีรายได้ใช้สิทธิ์บัตรทองก็ดีใช้ได้ เจอหมอจิตไม่ตกด้วย:-) อย่าเจ็บอย่าจนนะครับ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ4 กันยายน 2556 เวลา 22:58

    พี่หมอคะ ตอนนี้แม่ของหนูก็ป่วยเป็นตับแข็งระยะสุดท้ายค่ะ คุณหมอที่ทำการรักษาเค้าบอกให้แม่หนูทำใจซะ ถ้าไอเป็นเลือด,อาเจียนเป็นเลือด หรือ อุจจาระเป็นเลือดเมื่อไหร่! ให้ญาติๆมาดูใจได้เลย..(มันใช่เหรอคะพี่หมอ? เค้าจะไม่ทำการรักษาเลยเหรอคะ) แล้วหลังจากนั้น2อาทิตย์ เหมือนแม่หนูทำใจได้(ประชดหรือเปล่าหนูก็ไม่แน่ใจ)อะไรที่เค้าห้ามกิน แต่แม่อยากกินแม่ก็กินหมดค่ะ พวกหนูห้ามแม่ก็ไม่ฟัง แม่บอกว่าอย่าห้ามแม่เลยให้แม่กินเถอะแม่อยากกิน ตายไปแม่ก็กินไม่ได้แล้ว พอแม่พูดจบพวกหนูร้องเลยค่ะพี่หมอไม่รู้จะปลอบใจแม่ยังไง. พี่หมอคะสรุปแล้วตับแข็งระยะสุดท้ายมีชีวิตอยู่ได้ประมาณกี่เดือน_กี่ปีคะ(เพราะหนูอ่านหลายwebมาก ข้อมูลไม่ค่อยตรงกัน หนูงงค่ะ) และถ้าพี่หมอกรุณาเด็กที่ไม่มีความรู้อย่างหนู ช่วยแนะนำหนูด้วยนะคะ... ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ...

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. พี่คงไม่สามารถบอกได้หรอกว่า อีกสามวัน อีกสามเดือน เหรออีกสามนาทีคุณแม่น้องจะเสียชีวิต
      ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย สภาพจิตใจก็เป็นสิ่งสำคัญ หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น ติดเชื้อคนไข้ตับเข็งระยะสุดท้ายอาจอยู่ได้อีกหลายปีครับ
      การรักษาตับแข็งระยะสุดท้ายมีเพียงรักษาตามอาการเท่านั้น ตับที่ถูกทำลายไปมากไม่อาจฟื้นตัวได้ดังปกติ อีกวิธีคือการเปลี่ยนตับซึ่งคงทำได้ยาก
      ขอเอาใจช่วยให้คุณแม่หายไวๆครับ

      ลบ
    2. เศร้าจัง แม่ผมก็เสียชีวิตด้วยมะเร็งที่ตับ รู้ตอนระยะสุดท้าย

      ลบ
  5. ยาจากเชียงใหม่23 สิงหาคม 2557 เวลา 21:42

    ตอนนี้พ่อฉันก็เป็นตับแข็งมีอาการท้องมารไอเป็นเลือดเนื้อตัวเหลืองไปหมดไม่มีเรี่ยวแรงพูดไ ม่ค่อยรู้เรื่องลุกไม่ไหวแล้วลูกอย่างฉันควรทำยังไงดีคะคุณหมอ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. คิดว่าคนไข้คงเป็นระยะท้ายของตัวโรค การรักษาคงมีได้เพียงประคองอาการครับ
      ใช้เวลากับคุณพ่อให้เต็มที่ อย่าให้คุณพ่อกลับไปกินเหล้า อาจช่วยชะลออาการของตัวโรคได้
      เราต้องยอมรับว่าถ้าตับถูกทำลายไปมากระดับหนึ่ง ตับจะไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้เหมือนเดิมครับ
      เอาใจช่วยนะครับ

      ลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ10 ตุลาคม 2557 เวลา 21:46

    พ่อเป็นโรคตับแข็ง และมีก้อนเหมือนมะเร็ง หมอบอกเป็นมะเร็ง80% คือยังไงค่ะ

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ12 มกราคม 2558 เวลา 09:00

    สวัสดีค่ะคุณหมอ แม่มีอาการป่วยมาสักระยะแล้ว แกชอบปวดท้อง แต่หมอโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งที่ไปรักษาบอกเป็นโรคกระเพาะ แต่นานวันแม่ยิ่งปวดท้องอืดท้องขึ้นเรื่อยๆจึงเปลี่ยนไปรักษาอีกโรงพยาบาลหนึ่งแต่เสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น หมอเขาบอกว่าแม่ดิฉันเป็นภาวะตับแข็งแต่ดิฉันไม่ทราบว่าระยะไหน แต่แม่ดิฉันยังทำอะไรได้เหมือนคนปกตินะคะ แต่จะเหนื่อยง่าย ท้องอืด ผอมลงนิดหน่อย ดิฉันกังวลและเสียใจนะคะ เพราะเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาดจากที่เคยอ่านมาหลายๆเว็ป ดิฉันต้องปฏิบัติกับแม่อย่างไรบ้างคะ ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  8. ตอนนี้พ่อเป็นตับแข็ง แต่ไม่รู้ว่ารัยะสุดท้ายหรือเปล่าค่ะ เพราะท้องมารแต่ไปหาหมอแล้วนะค่ะ คุณหมอให้กินยาบอกประคองอาการแต่ไม่ได้เจาะท้องให้กลัวว่าจะกระทบส่วนอื่นๆๆๆ ขอคำแนะนำได้ไหมค่ะ ว่าเราควรจะพาไปตรวจที่อื่นไหม หรือควรกินยาตามที่หมอแนะนำต่อไปค่ะ (จากอาการน่าจะเป็นประมาณ10ปีแล้วค่ะ แต่พ่อดื่มเหล้าเยอะมา ตอนนี้เลิกดื่มแล้วนะค่ะ)

    ตอบลบ
  9. ตอนนี้พ่อก้อป่วยเป็นตับแข็งมีท้องมานตัวตาเหลืองหายใจหอบเหนื่อยเวลาขยับตัวมีจ้ำๆขึ้นตามหน้าอกแบบนี้เขาเรียกระยะสุดท้ายไหมคร่า

    ตอบลบ
  10. ตอนนี้พ่อก้อป่วยเป็นตับแข็งมีท้องมานตัวตาเหลืองหายใจหอบเหนื่อยเวลาขยับตัวมีจ้ำๆขึ้นตามหน้าอกแบบนี้เขาเรียกระยะสุดท้ายไหมคร่า

    ตอบลบ
  11. พ่อผมเป็นโรคตับแข็งเพิ่งทราบครับ ขาบวม ท้องบวม แต่เดิน พูดคุยปกติครับ อยากทราบอาการระยะไหนครับ วิธีรักษา ยื้อได้กี่ปีครับ?

    ตอบลบ
  12. สนใจสารสกัดจากงาดำของ รศ.ดร.ปรัชญา คงทวีเลิศ ติดต่อ inbox ได้เลยค่ะ ทุกปัญหามีคำตอบ

    ตอบลบ
  13. สนใจสารสกัดจากงาดำของ รศ.ดร.ปรัชญา คงทวีเลิศ ติดต่อ inbox ได้เลยค่ะ ทุกปัญหามีคำตอบ

    ตอบลบ
  14. สนใจสารสกัดจากงาดำของ รศ.ดร.ปรัชญา คงทวีเลิศ ติดต่อ inbox ได้เลยค่ะ ทุกปัญหามีคำตอบ

    ตอบลบ
  15. เพิ่มพลังชีวิตใหม่ต่อต้านโรคร้าย ด้วยพลังคอสมิก.....รักษามะเร็งระยะสุดท้าย ไม่เห็นผลยินดีคืนเงิน ติดต่อคุณรสริน line id: jakcosmic

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ปรารถนาหายจากโรค/อาการผิดปกติ
      ต้องรู้สาเหตุของที่มาของโรคและความผิดปกติทั้งหลาย
      ดังนี้้
      1. เกิดจากกรรมไม่ดีจากอดีต ทำร้ายผู้มีพระคุณ ทำลายผู้มีความบริสุทธิ์ ทำลายผู้มีบารมี
      2. เกิดจากอยู่ใกล้ชิดคน ที่มีพลังมืด และมีพลังมืดสะสม
      3. เกิดจากอยู่ในสถานที่ หรือเคยไปสถานที่ ที่มีพลังงานผิดปกติ
      4. เกิดจากคุณไสยจากอดีต
      5. เกิดจากคุณไสยปัจจุบัน
      หนทางการรักษาที่มั่นคงคือ ความดี ของผู้ป่วยเพียงพอหรือไม่
      ปรารถนารู้ในสาเหตุ ด้วยตนเอง / และวิธีการรักษา ที่ถูกต้องต่อระบบธรรมชาติทั้งปวง ติดต่อไปที่ Line ID : Jakcosmic, Line ID : Jakcosmic999

      ลบ

ยินดีให้คำปรึกษา ด้วยบริการที่ดี จริงใจ เป็นกันเอง
สงสัยสามารถสอบถามข้อมูลได้เลยครับ

==== ข้อมูลเบื้องต้นที่ต้องการ ====
อายุ เพศ ของผู้เอาประกัน
โรคประจำตัว ประวัติการเจ็บป่วย
แผนประกันที่ต้องการ เช่น ต้องการแผนประกันที่มีค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน