วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2555

ลาก่อน..Steth ที่รัก

     

       เรื่องนี้...เป็นเรื่องเศร้าที่เกิดขึ้นกับหมอแบงค์ไม่นาน ครั้งแรกที่เกิดขึ้นนั้นสมัยหมอกำลังเรียนอยู่ Ward อายุรกรรมปี 5 เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นหลังจากหมอแบงค์(สมัยนั้นเป็นนักศึกษาแพทย์ปี 5) พึ่งRound Ward กับพี่แพทย์ใช้ทุนเสร็จไม่นาน หมอแบงค์ก็กลับมายังสถานที่ที่เรียกว่า "คอก" ท่านผู้อ่านหลายคนคงจะงงว่า "คอก" ที่หมอแบงค์กำลังพูดถึงคืออะไร ? -----> เอ๋...มันใช้คอกวัว คอกควายรึเปล่านะ >_<

       คำตอบก็คือไม่ใช่...แต่ก็ใกล้เคียง(ในความคิดหมอแบงค์)   "คอก" นั้นคือสถานที่ที่เหล่าอาจารย์ได้จัดสรรค์ไว้เป็นพิเศษ สำหรับนักศึกษาแพทย์โดยเฉพาะ โดยทุก Ward ของโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ก็จะมี "คอก" อยู่ประจำแต่ละ Ward เช่น Ward สูตินรีเวช ก็จะมี "คอกสูติ" Ward เด็กก็จะมี"คอกเด็ก" เป็นต้น และที่พี่ีกำลังจะพูดถึงก็คือ"คอกของ Ward  อายุรกรรม หรือเรียกสั้นๆว่า คอกMed"



       "คอก" ก็คือพื้นที่ส่วนหนึ่งของ Ward ที่ถูกแบ่งออกมาเพื่อใช้เป็นสถานที่บรรจุนิสิตแพทย์เอาไว้ภายใน ที่เรียกว่า คอกก็เพราะว่า บริเวณที่ใช้เป็นคอกนั้นอาจารย์จะจัดแจงเอาฉากมากั้นไว้อย่างดี เอาฉากมาล้อมเอาไว้ทุกทิศทุกด้าน มีรู(ช่อง)ที่ไว้เข้าออกเพียงทางเดียว  อย่าเพึ่งคิดว่าข้างในคอกจะหรูหราเหมือนรีสอร์ทนะ จริงๆข้างในมีเพียงโต๊ะยาวๆตัวหนึ่งกับเก้าอี้สำหรับนั่งอีกไม่กี่ตัว ซึ่งไม่เพียงพอต่อจำนวนนิสิตแพทย์เลย แถมร้อนมากมีพัดลมอยู่ไม่เกิน 2 ตัว ซึ่งบางทีก็เสียซะด้วย

       ประโยชน์ของคอกคือ

       1. เป็นสถานที่ใช้อ่านหนังสือ เป็นที่เขียนรายงานและเป็นสถานที่นั่งพักผ่อนเวลาอยู่เวร
       2. เป็นสถานที่กิน นอนของนิสิตแพทย์ ที่ใช้คำว่ากินนอนก็เพราะมีนักศึกษาแพทย์จำนวนหนึ่งใช้พื้นที่นี้ในการพักผ่อนนอนหลับ ไม่ว่าจะเป็นแบบฟุบหลับลงกับโต๊ะ แบบนอนเอาหัวพาดกับกำแพง หรือแบบนอนยาวเลยก็มี บางคนก็ใช้เป็นที่กินข้าว กินขนม  จึงมีเศษขยะมากมาย เช่นกองขวดน้ำ เศษกระดาษ กอง sheet ที่ไม่ใช้แล้วอยู่ในนี้ นี่จึงอาจเป็นสาเหตุที่อาจารย์ต้องเอาฉากมากั้นเอาไว้ทุกด้าน เพราะลองคิดดูสิครับ....หากคนไข้หรือญาติคนไข้มาเห็นนักศึกษาแพทย์อยู่ในสภาพนี้ คงแปลกพิลึกเลย

       เอาหล่ะมาฟังเรื่องของหมอแบงค์กันต่อ หลังได้ Round Ward เสร็จหมอแบงค์ก็กลับมาพักผ่อนยังคอก เนื่องด้วยคืนก่อนหมอแพทย์แบงค์อยู่เวรมีเคสคนไข้เข้ามาหลายเคส(Case)มาก จึงทำให้ลงเวรดึก ประกอบกับวันนี้มีสอบ formative ก่อนเรียน จึงต้องอ่านหนังสือต่อจนยิ่งนอนดึกกว่าเดิม ทำให้เมื่อกลับมายัง "คอก" ในตอนเช้าวันนี้ นิสิตแพทย์แบงค์เหนื่อยมาก รู้สึกเหมือนพลังชีวิตหดหายไปหมดก็เลยฟุบหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีก็คือเวลาที่เพื่อนมาตามไปสอบ นิสิตแพทย์แบงค์ก็รีบวิ่งตาลีตาเหลือกไปเข้าห้องสอบ โดยมิรู้เลยว่าลืมของสำคัญคือ Stethoscope หูฟังคู่ชีพเอาไว้ใน "คอก"

       พอนึกได้หลังสอบเสร็จ มาดูอีกที Stethoscope อันแรกในชีวิตของนิสิตแพทย์แบงค์ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 4 ก็ Disappear หายไปกับสายลมซะแล้ว

                   ถ้าจะบอกว่า  "น้ำคู่กับเรือ"

                                                "เสือคู่กับป่า"


                                                "หมอก็คงคู่กับ Stethoscopeนี่หล่ะ" 

        ถ้าพูดถึงสมัยเรียนปี 3 กำลังจะขึ้นปี 4 สิ่งที่ต้องเตรียมตัวและต้องทำก่อนจะขึ้นเรียนในชั้นคลีนิกก็คงมีอยู่สองอย่างอย่างแรกก็คือเตรียมตัดเสื้อกาวน์ อย่างที่สองก็คงเป็นการซื้อ Stethoscope นั้นแหละ โดยตอนนั้นคณะกรรมการจัดซื้อของรุ่นได้เลือกซื้อ Stethจากบริษัท 3m Littmann ซึ่งตอนนั้นมีStethoscope ให้เลือกอยู่สองรุ่น รุ่นแรกคือรุ่น classic II S.E. ซึ่งเป็นแบบมาตรฐาน ธรรมดา คุณภาพดีพอควรประมาณว่าหากเราหูไม่หนวกก็ต้องฟังได้ยินบ้างหล่ะ ราคาก็ประมาณ 2200 บาท รับประกัน 3 ปี ส่วนอีกรุ่นคือรุ่น cardiology III อันนี้ advance มากเหมาะสำหรับฟังเสียงหัวใจโดยเฉพาะ มีสองด้านด้านหนึ่งสำหรับฟัง adult(ผู้ใหญ่) อีกด้านสำหรับ pediatric(เด็ก) ราคา 6000 กว่าบาท รับประกัน 5 ปี ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็สั่งรุ่นพื้นฐานและถูกกว่าอยู่แล้ว แต่คราวนี้ก็มีปัญหาคือ

        สีอะไรดี???

      การเป็นนักศึกษาแพทย์ทำให้ถูกกำจัดสิทธิหลายๆอย่างที่...วัยรุ่นจะทำได้ เช่น สำหรับผู้หญิงอยากจะตัดผมเปรี้ยวๆ ก็ทำไม่ได้ อยากย้อมผมสีฉูดฉาดก็ทำไม่ได้ อยากแต่งชุดนิสิตรัดๆกระโปรงสั้นก็ยิ่งทำไม่ได้ รองเท้าก็ต้องสีสุภาพ ต้มหูก็ห้ามห้อยแบบแนวๆอันใหญ่ๆ หรืออันแบบธรรมดาแต่มันยาวเกินติ่งหูก็ไม่ได้ -----> อาจารย์เขาว่ามันไม่สุภาพครับ -----> อาจารย์เขาว่ามันไม่สุภาพครับ

       แต่ก็ใช่ว่าชีวิตของนักศึกษาแพทย์จะจืดชืดเดี๋ยวนี้ทางบริษัทขาย Stethoscope ก็เล็งเห็นถึงจุดนี้ จึงได้ทำสีของ Stethoscope ออกมาหลากสีสันมากมาย ถ้าเทียบกับสมัยก่อนท่านผู้อ่านคงเห็นหมอรุ่นเก่าใช้หูฟังที่มีแต่สีดำกับสีเทา สมัยนี้หูฟังมีสีให้เลือกมากกว่าแต่ก่อนมากครับ นี่คือสีที่มีทั้งหมดตอนนี้ครับ ^_^


มีสีให้เลือกมากมายเลยใช่ไหมครับ ;-D

สี Caribbean blue

สี Plum

                                                                       สี Ceil blue

                                                                       สี  Raspberry
           สีStethอันแรกของนิสิตแพทย์แบงค์ คือ สี Seafoam green -------> เซ็งมากหายไปแล้วครับ เศร้า T_T คราวนี้ไปซื้อใหม่แล้วแทนอันที่หายไปปรากฎว่า เขาขึ้นราคาจาก 2200 บาท เป็น 2600 บาท ถึงช่วงจ่ายตังแล้ว ยิ่งเศร้ากว่าเดิมอีกครับผม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาหมอแบงค์จึงสัญญากับตัวเองว่าจะรักษา Stethoscope อันใหม่เท่าชีวิต

          ถึงจะพูดแบบนั้นก็ตาม เหตุการณ์มันก็ย้อนรอยอีกจนได้ T_T แถม Stethoscope อันที่หายไม่ใช้ Stethoscope ธรรมดาซะด้วย คราวนี้อันที่หายเป็นถึง Stethoscope cardiology III Black edition ราคา 6000 บาท พอจบหมอมาเรียนแพทย์เฉพาะทางห้องฉุกเฉินที่ รพ.วชิร หมอแบงค์ได้ให้รางวัลกับตัวเองคือ Stethoscope อันใหม่ แต่ความขี้ลืมก็เกิดอีก คราวนี้หายช่วงตรุษจีนที่ผ่านมาก อ้ากกก พูดแล้วเจ็บใจครับท่านผู้อ่าน T_T

                                                        รุ่นสำหรับฟังหัวใจด้วยครับที่หาย- _-"
    
              จบแล้วนะครับสำหรับบันทึกไม่ลับนักศึกษาแพทย์ ตอน "ลาก่อน..Steth ที่รัก"ไว้มีอะไรหมอแบงค์จะมาเล่าสู่กันฟังอีก

                                                               เรื่องโดย ~หมูสนาม~

ขอบคุณที่มาภาพ บริษัท Credit: 3M Stethoscope ครับ
พี่หมอ

คำเตือน
บทความนี้ได้จดทะเบียนลิขสิทธิ์แล้วหากผู้ใดคัดลอกโดยไม่อ้างอิงที่มา จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ทางปัญญา